ความสงบของจิตใจในโลกที่มีปัญหา

Peace

“ความสงบสุขของชาติ ของครอบครัว ที่สำคัญคือจิตใจและความคิดของเราอยู่ที่ไหน?” เสียงร้องโหยหวนนี้ได้ยินตลอดมาทุกยุคทุกสมัย หัวใจของคุณร่ำร้องอยู่หรือไม่?

ผู้คนต่างเหนื่อยล้าและวิตกกังวล แน่นอนว่าพวกเขาต้องการคำชี้แนะแนวทาง ความมั่นคงปลอดภัยอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งที่เราต้องการและจำเป็นอย่างยิ่งยวดคือความสงบในจิตใจ

ความสงบในจิตใจ - ช่างเป็นสมบัติล้ำค่า! เราสามารถค้นหาสมบัติชิ้นนี้ในโลกที่มีความขัดแย้ง ความสิ้นหวัง ความวุ่นวายและปัญหามากมายได้หรือไม่?

ข้อความที่สมบูรณ์: ความสงบของจิตใจในโลกที่มีปัญหา

การค้นหาครั้งยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นแล้ว! หลายคนแสวงหาความสงบสุขจากชื่อเสียงและโชคลาภ ความพึงพอใจและอำนาจ การศึกษาและความรู้ ในความสัมพันธ์ของมนุษย์และการแต่งงาน พวกเขาปรารถนาที่จะเติมเต็มความรู้และความมั่งคั่งในกระเป๋าของพวกเขา แต่จิตวิญญาณของพวกเขายังคงว่างเปล่า บางคนหาทางหนีความจริงของชีวิตด้วยยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ แต่ความสงบสุขที่พวกเขาแสวงหากลับหลีกหนีพวกเขา พวกเขายังคงว่างเปล่าและอ้างว้าง ยังคงอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหาด้วยจิตใจที่เป็นปัญหา

มนุษย์ในความวุ่นวาย

พระเจ้าได้สร้างมนุษย์และให้พวกอยู่ในสวนที่สวยงามเพื่อเพลิดเพลินกับความสงบ ความยินดี และความสุขที่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่ออาดัมและเอวาไม่เชื่อฟัง พวกเขารู้สึกผิดทันที เมื่อก่อนพวกเขารอคอยการปรากฏตัวของพระเจ้า บัดนี้พวกเขาต้องซ่อนตัวด้วยความละอาย ความรู้สึกผิดและความกลัวเข้ามาแทนที่ความสงบสุขและความสุขที่พวกเขารู้จัก บาปของมนุษย์เป็นจุดเริ่มต้นของโลกที่มีปัญหาและจิตใจที่มีปัญหา

แม้ว่าจิตวิญญาณของเราจะโหยหาพระเจ้า แต่ธรรมชาติที่เป็นบาปของเราจะกบฏต่อวิถีทางของพระองค์ การต่อสู้ภายในนี้ทำให้เกิดความตึงเครียดและความทุกข์ เมื่อเราเป็นเหมือนอาดัมและเอวาที่มีความปรารถนาและความทะเยอทะยานเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง เราจะกระวนกระวายและวิตกกังวล ยิ่งเราสนใจตัวเองมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น ความไม่แน่นอนของชีวิตและโลกที่เสื่อมโทรมและการเปลี่ยนแปลงสั่นคลอนความมั่นคงของเราและรบกวนความสงบสุขของเรา

แม้ว่าคุณอาจไม่ตระหนักหรือรับรู้มัน ความบาปอาจเป็นสาเหตุของความไม่สบายใจของคุณ หลายคนค้นหาวัตถุและสิ่งภายนอกเพื่อความสงบ พวกเขาตำหนิโลกที่มีปัญหาที่สร้างปัญหาให้กับจิตใจของพวกเขา แต่กลับมองไม่เห็นภายในใจของตน

พระเยซูคริสต์ เจ้าชายแห่งสันติภาพ

จะไม่มีความสงบสุขเกิดขึ้นจนกว่าทุกด้านของชีวิตจะประสานกับพระองค์ผู้ทรงสร้างและเข้าใจเรา สิ่งนี้เป็นไปได้โดยการยอมจำนนต่อพระคริสต์อย่างสมบูรณ์เท่านั้น พระองค์ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าโลกเท่านั้น แต่ทรงรู้จักชีวิตของเราตั้งแต่ต้นจนจบ ทรงนึกถึงเราเมื่อเสด็จมาในโลก “เพื่อจะส่องสว่างแก่คนทั้งหลายผู้​อยู่​ในที่​มืด และในเงาแห่งความตาย เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติ​สุข” (ลูกา 1:79)

พระเยซูประทานแสงสว่างแทนความมืด สันติแทนความขัดแย้ง ความสุขแทนความเศร้า ความหวังแทนความสิ้นหวัง และชีวิตแทนความตาย พระองค์ตรัสในพระธรรมยอห์น 14:27 ว่า “เรามอบสันติสุขไว้​ให้​แก่​ท่านแล้ว สันติ​สุขของเราที่​ให้​แก่​ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย”

การกลับใจทำให้จิตใจสงบ

เมื่อคุณรู้สึกว่าบาปทำให้คุณหนักอึ้ง การเยียวยาคือ “จงหันกลับและตั้งใจใหม่ เพื่อจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย” (กิจการ 3:19) พระเยซูเชิญคุณเข้าสู่ประสบการณ์ที่มีความหมายและเปลี่ยนแปลงชีวิต “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข” (มัทธิว 11:28) 1 ยอห์น 1:9 สัญญาว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์​ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็​จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” คุณจะยอมรับคำเชิญของพระองค์หรือไม่?

เมื่อคุณมาหาพระเยซู คุณจะพบการให้อภัยและอิสรภาพ หัวใจของคุณจะเต็มไปด้วยความรักและความเมตตา แทนที่จะเป็นความขุ่นเคืองและการไม่ให้อภัย เมื่อพระเยซูครอบครองหัวใจของคุณ คุณจะรักศัตรูของคุณ สิ่งนี้เป็นไปได้โดยฤทธิ์อำนาจแห่งพระโลหิตแห่งการไถ่ของพระคริสต์

อยู่อย่างสงบ

ในฐานะคริสเตียน ความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าและความไว้วางใจในการดูแลของพระองค์คือยาแก้พิษสำหรับความกลัวและความวิตกกังวล การวางใจในพระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่เป็นนิจนั้นช่างสงบสุขเพียงใด พระองค์รักเราและจะดูแลเราตลอดไป แล้วทำไมเราต้องกังวลและกลุ้มใจ? เราสามารถทำได้เมื่อเราอ่านใน 1 เปโตร 5:7 “จงละบรรดาความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” ยังมีคำสัญญาอีกด้วยว่า “ใจแน่วแน่ในพระองค์​นั้น พระองค์​ทรงรักษาไว้ในสันติภาพอันสมบู​รณ์เพราะเขาวางใจในพระองค์ ” (อิสยาห์ 26:3)

เมื่อมีพระเยซูคริสต์อยู่ในหัวใจ การค้นหาสันติสุขของคุณก็จะสิ้นสุดลง พระองค์จะประทานสันติสุขและความสงบที่มาจากการวางใจพระองค์เท่านั้น คุณจะสามารถกล่าวดังบทกวีที่ว่า:

ฉันรู้จักสันติสุข ในที่ซึ่งไม่มีสันติสุข

ความสงบในที่ซึ่งเต็มไปด้วยลมพายุ

ในที่ลี้ลับเพื่อที่จะได้เผชิญหน้า

ฉันจะไปกับพระองค์ผู้เป็นเจ้านาย

- ราล์ฟ สปอลดิง คุชแมน

คุณจะมีความสงบสุขในโลกที่มีปัญหา! เปิดประตูหัวใจของคุณมาหาพระคริสต์ในเวลานี้ และวันหนึ่งพระองค์จะเปิดประตูสวรรค์ให้คุณ ที่ซึ่งสันติสุขสมบูรณ์จะครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์

ติดต่อเรา

ใบสั่งซื้อ

ของขวัญจากพระเจ้า: เรื่องราวของวันคริสต์มาส

Jesus in a manger

ก่อนกาลสมัยจะเริ่มต้น ในเวลานั้นมีพระเจ้า พระเยซูพระบุตรของพระองค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ได้สร้างโลกและสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในนั้น ด้วยความรักของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ตามพระฉายาของพระองค์และให้เขาอยู่ในสวนที่สวยงาม มนุษย์ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของพระเจ้า การไม่เชื่อฟังนี้เป็นบาปและแยกมนุษย์ออกจากพระเจ้า พระองค์บอกพวกเขาว่าพวกเขาควรนำสัตว์หนุ่มที่สมบูรณ์มาเป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาป การบูชาเหล่านี้ไม่ได้ชดใช้ความบาป เป็นเพียงชี้ให้เห็นถึงการเสียสละสูงสุดที่พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมให้เท่านั้น วันหนึ่งพระเจ้าจะส่งพระเยซูพระบุตรของพระองค์มายังโลกนี้เพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของมนุษย์ทุกคน

นางมารีย์และทูตสวรรค์

The angel speaks to Mary

สี่พันปีต่อมา ในเมืองนาซาเร็ธ มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อมารีย์ เธอหมั้นหมายจะแต่งงานกับโยเซฟ วันหนึ่งทูตสวรรค์มาปรากฏแก่มารีย์และบอกกับเธอว่าเธอจะมีทารกอันแสนพิเศษคนหนึ่ง เธอควรตั้งชื่อเขาว่าเยซู บุตรชายคนนี้จะไม่มีบิดาฝ่ายโลก เขาจะเป็นพระบุตรของพระเจ้า

การประสูติของพระเยซู

ข้อความที่สมบูรณ์: ของขวัญจากพระเจ้า: เรื่องราวของวันคริสต์มาส

The star shining over Bethlehem

หลังจากการมาเยี่ยมของทูตสวรรค์ โยเซฟและมารีย์เดินทางไกลไปยังเบธเลเฮมเพื่อจ่ายภาษี เมื่อไปถึงเมืองเบธเลเฮมก็มีผู้คนพลุกพล่านมากมาย พวกเขาต้องค้างคืนในโรงวัวเพราะไม่มีที่ว่างในโรงแรม ที่นั่นพระเยซูได้ประสูติ มารีย์ได้ห่อทารกพระเยซูด้วยผ้าและวางพระองค์ในรางหญ้า

คนเลี้ยงแกะ

Angels bring glad tidings to the shepherds

คืนเดียวกันนั้น บนเนินเขานอกเมือง คนเลี้ยงแกะกำลังเฝ้าดูแกะของตน ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏขึ้นและพระสิริของพระเจ้าส่องรอบคนเลี้ยงแกะ ทูตสวรรค์กล่าวว่า “อย่ากลัวเลย เพราะดู​เถิด เรานำข่าวดี​มายังท่านทั้งหลาย คือความปรี​ดี​ยิ่งซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสต์​เจ้า มาบังเกิดที่เมืองดาวิด นี่​จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่านทั้งหลาย คือท่านจะได้พบพระกุมารนั้นพันผ้าอ้อมนอนอยู่ในรางหญ้า” จากนั้นทูตสวรรค์จำนวนมากก็ปรากฏตัวและสรรเสริญพระเจ้าว่า "​รัศมี​ภาพจงมี​แด่​พระเจ้าในที่​สูงสุด และบนแผ่นดินโลกสันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งปวงซึ่งทรงโปรดปรานนั้น" เมื่อทูตสวรรค์ได้จากไปแล้ว คนเลี้ยงแกะได้ทิ้งแกะของตนและมุ่งไปยังเบธเลเฮมอย่างรวดเร็ว ที่นั่นพวกเขาพบทารกตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้

นักปราชญ์

The wise men bring their gifts

หลังจากที่พระเยซูประสูติ พวกนักปราชญ์มาจากอีกประเทศหนึ่งไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาถามว่า “ทารกที่เกิดมาเป็นกษัตริย์ของชาวยิวอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของพระองค์ทางทิศตะวันออกและต้องการบูชาพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจ พระองค์ทรงเรียกพวกปุโรหิตและธรรมาจารย์มาพร้อมกัน พวกเขาบอกเขาว่าผู้เผยพระวจนะกล่าวว่าผู้ปกครองจะเกิดในเบธเลเฮม กษัตริย์เฮโรดส่งนักปราชญ์ไปที่เบธเลเฮมเพื่อค้นหากษัตริย์องค์นี้ เมื่อพวกนักปราชญ์ออกจากกรุงเยรูซาเล็ม ดาวดวงนั้นก็พาพวกเขาไปยังบ้านที่พวกเขาพบพระกุมารเยซู พวกเขากราบลงนมัสการ ถวายทองคำ กำยาน และมดยอบแด่พระองค์ พระเจ้าเตือนนักปราชญ์ในความฝันว่าพวกเขาไม่ควรกลับไปหากษัตริย์เฮโรดผู้ชั่วร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงกลับบ้านโดยใช้เส้นทางอื่น

เหตุผลสำหรับของขวัญจากพระเจ้า

พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงดำเนินชีวิตโดยปราศจากบาปและสมบูรณ์ในทุกทาง เมื่ออายุได้สามสิบปี พระเยซูเริ่มสอนผู้คนเกี่ยวกับพระเจ้าพระบิดาของพระองค์ พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์มากมาย เช่น ให้คนตาบอดมองเห็น รักษาโรคต่างๆ ของคนจำนวนมาก หรือแม้แต่ทำให้คนตายเป็นขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ทรงสอนวิธีที่จะมีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์ แล้วพระองค์ก็สละพระชนม์ชีพเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของคนทั้งโลก

พระคัมภีร์กล่าวไว้ในยอห์น 3:16 ว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้​ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์​ที่​บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่​พินาศ แต่​มี​ชี​วิ​นิรันดร์” พระเยซูเสด็จมาบนโลกนี้เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเป็นเครื่องบูชาอันสูงสุด โดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ราคาสำหรับความบาปทั้งหมดได้รับการชดใช้ ไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องบูชาไถ่บาปอีกต่อไป นี่คือการปฏิบัติตามพระสัญญาของพระเจ้าที่จะส่งพระผู้ช่วยให้รอด

Jesus on the cross

แม้ว่าพระเยซูถูกคนชั่วร้ายฆ่า ความตายก็ไม่มีอำนาจเหนือพระองค์ สามวันต่อมา พระองค์ทรงฟื้นคืนพระชนม์อย่างมีชัยชนะ ภายหลังการฟื้นคืนพระชนม์ ในช่วงเวลานั้นมีคนมากมายได้เห็นพระเยซู จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่พระองค์ได้อวยพรสาวกของพระองค์แล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นสู่สวรรค์

เมื่อเราเลือกที่จะเชื่อและมอบชีวิตของเราให้กับพระเยซู พระโลหิตของพระองค์ชำระเราจากบาปทั้งหมดของเรา เมื่อเรายอมรับของประทานแห่งความรอดนี้ เราก็ได้กลับมาหาพระเจ้าอีกครั้ง พระเยซูกลายเป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของเรา และเราสามารถชื่นชมยินดีกับพระพรในการเป็นลูกของพระองค์! สักวันหนึ่งพระเยซูจะกลับมา พระองค์จะนำผู้เชื่อที่แท้จริงทั้งหมดไปสวรรค์ ที่นั่นพวกเขาจะอยู่กับพระเจ้าตลอดไป

ติดต่อเรา

ใบสั่งซื้อ

แผนการความรอดอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า

แสงสว่างของโลก

พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า เป็นความจริงนิรันดร์ พระคัมภีร์ประกอบไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับการทรงสร้าง การไม่เชื่อฟังของมนุษย์ต่อพระเจ้า และความทุกข์ทรมานซึ่งมาสู่มนุษย์เพราะความบาป นอกจากนี้ยังบอกเราถึงความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีต่อมนุษย์ในการวางแผนการไถ่ของพระองค์ มีเรื่องราวการประสูติของพระผู้ช่วยให้รอด ผู้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของมนุษย์ และทรงฟื้นจากความตายเพื่อความรอดของมนุษย์ ใครก็ตามที่เชื่อข้อความนี้จะได้รับการอภัยบาป ได้รับความสงบในจิตใจ ได้รับความรักที่มีต่อมนุษย์ทุกคน ได้รับอำนาจเหนือความบาป และความหวังที่จะมีชีวิตนิรันดร์

การทรงสร้างอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า

พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลทรงเป็นอยู่เสมอ พระองค์อยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงฤทธานุภาพและปรีชาญาณ ทุกสิ่งจึงถูกสร้างขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าสร้างโลกที่ปกคลุมไปด้วยน้ำ พระองค์ตรัสว่า "จงให้ที่แห้งปรากฏขึ้น" และแผ่นดินก็เกิดขึ้น พระองค์ทรงสร้างเนินเขาและหุบเขา คลุมด้วยหญ้า ดอกไม้สวยงาม และต้นไม้ทุกชนิด พระองค์ทรงสร้างนกที่ร้องเพลงต่างๆ มากมาย พระเจ้าสร้างสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ที่เดินไปตามทุ่งนาและป่าไม้ตลอดจนแมลงขนาดเล็กและสัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยอยู่ในพื้นดิน พระองค์ทรงสร้างทะเลสาปและมหาสมุทรและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในนั้น พระองค์สร้างทวีปที่ผู้คนจากทุกเชื้อชาติจะอาศัยอยู่ พระเจ้าสร้างดวงอาทิตย์ให้แสงสว่างและความอบอุ่น และดวงจันทร์ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน ทรงประดับท้องฟ้าด้วยดาวระยิบระยับที่สวยงามนับพัน สุดท้าย พระเจ้าได้ทรงปั้นมนุษย์จากผงคลีดิน พระองค์ระบายลมปราณแห่งชีวิตเข้าทางจมูก และมนุษย์ก็กลายเป็นวิญญาณที่มีชีวิต พระเจ้าเรียกเขาว่าอาดัม

พระเจ้าเห็นว่าอาดัมต้องการผู้ช่วย ดังนั้นพระองค์จึงทรงทำให้เขาหลับสนิท จากนั้นพระเจ้าก็เอาซี่โครงจากอาดัมมาสร้างผู้หญิงขึ้นมาคนหนึ่ง อาดัมรักเอวาและเธอก็รักเขาเช่นกัน ต่างก็มีสามัคคีธรรมอันแสนหวานต่อกัน นี่คือแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับหน่วยครอบครัว

พระเจ้าสร้างทุกสิ่งในหกวัน และในวันที่เจ็ดพระองค์ทรงพักผ่อน พระองค์ทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างและเห็นว่าดียิ่งนัก ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงชำระให้เป็นวันพักผ่อนของมนุษย์

ข้อความที่สมบูรณ์: แผนการความรอดอันยอดเยี่ยมของพระเจ้า

พระคัมภีร์กล่าวถึงทูตสวรรค์ที่ตกสู่ความบาปที่เรียกว่าซาตานหรือมาร มันถูกขับออกจากสวรรค์และเป็นสาเหตุของความชั่วร้ายทั้งหมด มันทำให้ความโศก ความทุกข์ ความเจ็บไข้ ความตายเข้ามาในโลก

จุดเริ่มต้นที่น่าเศร้าของบาป

พระเจ้ารักอาดัมและเอวา พระองค์ทรงสร้างสวนสวยงามให้พวกเขาอยู่อาศัยเรียกว่าสวนเอเดน อาดัมต้องดูแลมัน ในสวนนี้มีผักและผลไม้มากมายให้พวกเขากิน มีต้นไม้ต้นหนึ่งชื่อว่า ต้นไม้แห่งการรู้ดีรู้ชั่ว พระเจ้าบอกอาดัมว่าเขาไม่ควรกินต้นไม้นั้น เพราะในวันที่เขากินจากต้นนั้น เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน วันหนึ่งซาตานมาหาเอวาและโกหกเธอ มันบอกว่า “เจ้าจะไม่ตายแน่…เจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้าที่รู้ดีรู้ชั่ว” (ปฐมกาล 3:4-5)

เมื่อเธอมองดูผลของต้นไม้ที่สวยงามนี้ เธอเห็นว่ามันน่ารับประทาน และการกินก็ทำให้เกิดปัญญา เธอหยิบผลไม้ให้อาดัม แล้วทั้งสองคนก็กิน ทันใดนั้นพวกเขาก็รู้สึกผิดในใจ พวกเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรง ทั้งสองรู้สึกละอายใจเมื่อนึกถึงการไม่เชื่อฟังของพวกเขา ความกลัวเข้ามาในใจพวกเขาเมื่อนึกถึงการที่จะต้องพบพระเจ้า ดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ในสวน

ในช่วงเย็น พระเจ้าเรียกอาดัมและถามว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน” พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวจากพระเจ้าได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ามาเฝ้าพระองค์และยอมรับการกระทำผิดของพวกเขา พระเจ้าทำให้พวกเขาเข้าใจว่าการไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์เป็นบาปใหญ่เพียงใด พระองค์บอกพวกเขาว่าพวกเขาจะต้องถูกลงโทษสำหรับการไม่เชื่อฟังของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาจะต้องเจอกับความเจ็บปวดและปัญหาในชีวิต พวกเขาจะต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ร่างกายของพวกเขาจะแก่และทรุดโทรม พวกเขาจะตายและกลับไปเป็นผงคลีดินอีกครั้ง

หลังจากที่พวกเขาถูกขับออกจากสวนที่สวยงามแห่งนี้แล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งเครูบถือดาบเพลิงเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขากินต้นไม้แห่งชีวิต พวกเขาเริ่มเข้าใจผลของบาปและความเศร้าโศกที่ยิ่งใหญ่ที่นำมา

ผลลัพธ์อันน่าเศร้าของการทำบาป

อาดัมและเอวาเสียใจมากสำหรับบาปที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ทั้งๆ ที่พวกเขาทำบาป พระองค์ก็ยังทรงรักพวกเขา พระองค์สัญญาว่าจะส่งพระผู้ไถ่เพื่อความรอดของมนุษยชาติ

คาอินและอาแบลเป็นบุตรชายสองคนแรกที่เกิดมาจากอาดัมและเอวา วันหนึ่งพวกเขานำเครื่องบูชามาถวายแด่พระเจ้า คาอินนำอาหารที่เขาผลิตได้มาถวายแด่พระเจ้า ส่วนอาแบลนำลูกแกะชั้นดีจากฝูงมาฆ่าหลั่งเลือดเป็นเครื่องบูชา เครื่องบูชาของอาแบลเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แต่พระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยคาอินหรือเครื่องบูชาของเขา

เมื่อคาอินเห็นว่าพระเจ้าพอพระทัยอาแบล ในใจของเขาเริ่มมีความอิจฉาริษยาและเกลียดชังอาแบล วันหนึ่งขณะที่พวกเขาอยู่ด้วยกันที่ทุ่งนา คาอินก็ลุกขึ้นฆ่าอาแบลน้องชายของเขา พระเจ้าตรัสถามคาอินว่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน” คาอินไม่เต็มใจที่จะพูดความจริง เขาจึงพูดว่า “ข้าพระองค์​ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้​ดู​แลน้องชายหรือ” (ปฐมกาล 4:9) คาอินไม่เชื่อฟังในการทำตามคำแนะนำของพระเจ้า พระเจ้าเตือนเขาก่อนที่เขาจะฆ่าอาแบลว่าถ้าเขาทำดีเขาจะได้รับการยอมรับ เพียงแต่เขาเปลี่ยนทัศนคติและรักน้องชายของเขา! เป็นอีกครั้งหนึ่งที่บาปเป็นเหตุให้มนุษย์ต้องแยกจากที่ประทับของพระเจ้า คาอินกลายเป็นผู้ลี้ภัยและพเนจร

พระเจ้ารักโลกมากจนได้ประทานพระบุตร

“เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสต์​เจ้า มาบังเกิด...” (ลูกา 2:11)

หลังจากอาแบลตายและคาอินออกจากบ้าน อาดัมและเอวาก็มีบุตรชายอีกหนึ่งคนชื่อเสท เขาเป็นคนที่เกรงกลัวพระเจ้าและพระเจ้าได้อวยพรลูกหลานของเสท พวกเขาได้ยินและเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดที่จะทรงปลดปล่อยพวกเขาในวันหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อับราฮัมที่เชื่อพระเจ้า เขาจึงได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า พระองค์บอกเขาว่าทุกครอบครัวในโลกจะได้รับพรผ่านทางลูกหลานของเขา

หลายร้อยปีต่อมา พระผู้เป็นเจ้าทรงทำตามสัญญาของพระองค์ในการส่งพระผู้ช่วยให้รอดเข้ามาในโลก สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ในเมืองเล็กๆ ชื่อเบธเลเฮมแคว้นยูเดีย นางมารีย์ซึ่งเป็นสาวพรหมจารีย์ได้คลอดทารกคนหนึ่งในโรงวัว (ลูกา 2:1-7) ทูตสวรรค์บอกมารีย์ว่าชื่อของทารกคือพระเยซู (หมายถึงพระผู้ช่วยให้รอด) เขาจะกลายเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ที่จะบอกผู้คนมากมายเกี่ยวกับพระเจ้า พระเยซูเติบโตขึ้นเหมือนเด็กคนอื่นๆ เมื่ออายุได้สิบสองปี พระองค์ทรงเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าดีกว่าแพทย์และทนายความหลายคนในเยรูซาเล็ม ดูเหมือนพระองค์จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบทบัญญัติและคำพยากรณ์ ไม่มีใครสามารถถามคำถามที่พระองค์ตอบไม่ได้

พระเยซูทรงสนพระทัยความต้องการของผู้คนของพระองค์อย่างมาก เมื่อพระองค์อายุได้สามสิบปี พระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในธรรมศาลา วันหนึ่งพระองค์ทรงอ่านคำพยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ เมื่อพระองค์อ่านจบแล้ว พระองค์ตรัสกับผู้คนว่า “คัมภีร์​ตอนนี้​ที่​ท่านได้ยิ​นกับหูของท่านก็สำเร็จในวันนี้​แล้ว” (ลูกา 4:21) พระองค์ทรงสอนผู้มีสิทธิอำนาจ พระองค์เทศนาว่าอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม และการกลับใจนั้นจำเป็นสำหรับการเข้าสู่อาณาจักร พระองค์สอนให้ผู้คนนมัสการพระเจ้าด้วยความถ่อมตัวและจริงใจ พระองค์ทรงตำหนิคนจองหองและคนที่ไม่เชื่อเนื่องจากบาปของพวกเขา และประกาศข่าวประเสริฐแห่งความรักแก่คนยากจนและคนขัดสน

พระเยซูเสนอชีวิตนิรันดร์

พระเยซูตรัสว่า  “เราเป็นเหตุ​ให้​คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมี​ชีวิต ผู้​ที่​เชื่อในเรานั้นถึงแม้​ว่าเขาตายแล้​วก็ยังจะมี​ชี​วิ​ต อีก” (ยอห์น 11:25)

พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์มากมาย พิสูจน์ให้ผู้คนเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะส่งมา พระองค์ทรงรักษาคนป่วย ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็น ทำให้คนหูหนวกได้ยิน ขับผีออกและทำให้คนตายฟื้นขึ้น พระองค์ทรงเดินบนน้ำและทำให้ทะเลที่มีพายุสงบด้วยพระวจนะของพระองค์ พระองค์ตรัสกับต้นมะเดื่อต้นหนึ่ง และวันรุ่งขึ้นก็พบว่าต้นไม้นั้นเหี่ยวแห้งไปจนถึงราก พระองค์เลี้ยงคนหิวโหยมากกว่าห้าพันคนด้วยขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว เมื่อทุกคนมีอาหารเพียงพอ ก็ยังมีอาหารเหลืออยู่สิบสองตะกร้า

ชาวประมงจับปลาได้เป็นจำนวนมากเมื่อทอดแหตามพระบัญชาของพระองค์ วันหนึ่งพระเยซูทรงพบคนโรคเรื้อนสิบคนที่ได้ยินถึงชื่อเสียงของพระองค์ พวกเขาร้องว่า “ท่านอาจารย์ โปรดเมตตาพวกเราด้วย” โดยพระวจนะของพระองค์พวกเขาได้รับการรักษาให้หาย

ฝูงชนจำนวนมากติดตามพระเยซูทุกวัน ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ในเมืองหรือเดินทางตามถนน ผู้คนได้รับพรด้วยพระวจนะของพระองค์ ด้วยความกรุณา ความเห็นอกเห็นใจ และการอัศจรรย์ที่พระองค์ทรงทำ

พระองค์เริ่มบอกผู้คนว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า และพระเจ้าคือพระบิดาของพระองค์ ทุกคนที่เชื่อพระวจนะของพระองค์จะได้รับพร พระองค์บอกคนที่เชื่อว่าพวกเขาเป็นลูกของพระเจ้า

พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า “เราไปจัดเตรียมที่​ไว้​สำหรั​บท่านทั้งหลาย และถ้าเราไปจัดเตรียมที่​ไว้​สำหรั​บท่านแล้ว เราจะกลับมาอี​กรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่​ที่​ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่​ที่​นั่นด้วย” (ยอห์น 14:2-3) สถานที่ในสวรรค์นี้มีไว้สำหรับคริสเตียนแท้ทุกคน

“ท่านทั้งหลายที่​ได้​รับพระพรจากพระบิดาของเรา จงมารับเอาราชอาณาจักรซึ่งได้ตระเตรียมไว้สำหรั​บท่านทั้งหลายตั้งแต่แรกสร้างโลกเป็นมรดก” (มัทธิว 25:34)

 

พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของเรา

“เมื่อมาถึงสถานที่​แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า กะโหลกศีรษะ เขาก็ตรึงพระองค์​ไว้​ที่​กางเขนที่​นั่น” (ลูกา 23:33)

พวกธรรมาจารย์และฟาริสีขุ่นเคืองพระเยซูและคำสอนของพระองค์เป็นอย่างมาก พระองค์มักจะตำหนิพวกเขาว่าแสวงหาเกียรติและหาเงินอย่างผิดกฎหมาย พวกเขาอิจฉาและริษยาพระเยซูมาก เพราะมีคนมากมายเชื่อในพระองค์ ติดตามพระองค์ และสรรเสริญพระองค์ พวกเขากลัวว่าผู้คนจะทำให้พระเยซูเป็นกษัตริย์ของพวกเขา

พวกเขาพยายามทำให้พระเยซูพูดหรือทำสิ่งที่จะทำให้ผู้คนหมดศรัทธาในพระองค์ แต่พระเยซูทรงฉลาดเกินไปสำหรับพวกเขา ความเกลียดชังและความโกรธของพวกเขาเพิ่มขึ้นเมื่อความนิยมของพระเยซูเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันเริ่มใหญ่โตจนพวกเขาวางแผนสังหารพระองค์

พวกเขานำพระเยซูขึ้นศาลและตั้งข้อหาว่าเป็นผู้กระทำความผิดและหมิ่นประมาท พวกเขาตั้งข้อหาเท็จมากมายต่อพระองค์ แล้วพวกเขาก็พาพระองค์ไปหาปอนทิอัส ปีลาต ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดียของโรมัน ปีลาตไม่พบความผิดในพระเยซู เขาจึงตัดสินใจปล่อยพระองค์ แต่ผู้กล่าวหาพระเยซูกลับกลายเป็นฝูงชนที่โกรธเกรี้ยวและร้องว่า “ตรึงเขาเสีย ตรึงเขาเสีย” เมื่อปีลาตได้ยินเสียงร้องโวยวายและขู่เข็ญ เขาก็ยอมทำตามข้อเรียกร้องและมอบพระเยซูไว้กับพวกเขา พวกเขาจับพระเยซูและสวมมงกุฎหนามบนพระเศียรของพระองค์ และเรียกพระองค์อย่างเยาะเย้ยว่าเป็นกษัตริย์ พวกเขาถ่มน้ำลายใส่พระพักตร์พระองค์และทุบตีพระองค์อย่างทารุณ สุดท้ายพวกเขาตรึงพระองค์ไว้ที่กางเขนและปล่อยให้พระองค์สิ้นพระชนม์

พระเยซูถูกประหารชีวิตอย่างไร้ความผิด เหมือนกับลูกแกะที่อาแบลถวายบนแท่นบูชาเมื่อหลายร้อยปีก่อน อาแบลได้ถวายลูกแกะของเขาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งพระเมษโปดกของพระเจ้าที่จะสิ้นพระชนม์เพื่อบาปของโลก ผู้เผยพระวจนะในสมัยโบราณยังบอกล่วงหน้าถึงการทนทุกข์และการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมากล่าวว่า “จงดู​พระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้​ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29) “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้​ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์​ที่​บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่​พินาศ แต่​มี​ชี​วิ​ตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16)

พระเยซูทรงฟื้นจากความตายเพื่อปลดปล่อยเรา

“พระองค์​หาได้ประทั​บอยู่ที่นี่​ไม่ เพราะพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามที่​พระองค์​ได้​ตรัสไว้​นั้น มาดูที่​ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้บรรทมอยู่​นั้น” (มัทธิว 28:6)

ในวันที่สามหลังจากที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์และถูกฝังในอุโมงค์ วันนั้นเป็นวันแรกของสัปดาห์ผู้หญิงหลายคนได้มาที่อุโมงค์ฝังศพเพื่อชโลมพระวรกายของพระองค์ตั้งแต่เช้าตรู่ พวกนางประหลาดใจที่พบว่าอุโมงค์ฝังศพว่างเปล่า ร่างของพระเยซูหายไป! หัวใจของพวกนางเป็นทุกข์ ทันใดนั้น ทูตสวรรค์สององค์สวมอาภรณ์แวววาวยืนอยู่ข้างพวกนาง กล่าวว่า “พวกท่านแสวงหาคนเป็นในพวกคนตายทำไมเล่า พระองค์​ไม่อยู่​ที่นี่ แต่​ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว” (ลูกา 24:5-6) พวกนางรีบกลับไปบอกเหล่าสาวกถึงสิ่งที่พวกนางได้เห็นและได้ยิน พวกสาวกไม่เชื่อเรื่องของพวกนาง เปโตรกับยอห์นจึงไปสำรวจด้วยตนเอง พวกเขาก็พบว่าหลุมฝังศพว่างเปล่าเช่นกัน พวกเขาเข้าไปและเห็นผ้าลินิน และผ้าที่ใช้พันรอบพระเศียรของพระเยซูถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้พวกเขาก็เชื่อเรื่องที่เหล่าสตรีได้เล่าให้ฟัง ในตอนเย็นของวันเดียวกัน เหล่าสาวกอยู่ด้วยกันในห้องที่ปิดล็อคประตูเพราะพวกเขากลัวชาวยิว ทันใดนั้นพระเยซูทรงยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาและตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นสุขเถิด” พระองค์แสดงพระหัตถ์และสีข้างที่ถูกแทงให้พวกเขาดู เมื่อพวกเขาเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาก็ดีใจและเชื่อว่าพระองค์คือพระเยซูองค์เดียวกันที่ถูกตรึงที่กางเขนและเป็นขึ้นมาจากความตาย หลังจากนั้นพระเยซูทรงแสดงพระองค์เองแก่ผู้คนมากมายซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์

เช้าที่พระเยซูทรงฟื้นจากความตายยังคงเป็นวันรุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ ในวันนี้ แผนการแห่งความรอดอันยอดเยี่ยมของพระเจ้าเสร็จสมบูรณ์ แผนการแห่งความรอดนี้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจและชีวิตของมนุษย์โดยพระคุณของพระเจ้าผ่านศรัทธาในการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆ ก็ล่วงไป ดูเถิด สิ่งสารพัดกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (2 โครินธ์ 5:17) บัดนี้ทุกคนที่รับพระเยซูไว้ในใจและติดตามพระองค์อย่างเชื่อฟังจะฟื้นคืนชีพและอยู่ในสวรรค์ตลอดไป พระเยซูตรัสว่า “เพราะเราเป็นอยู่ ท่านทั้งหลายจะเป็นอยู่​ด้วย” (ยอห์น 14:19)

ข้อความนี้พูดกับหัวใจของคุณหรือไม่? คำตอบของคุณคืออะไร? คุณจะกลับใจและเชื่อพระกิตติคุณหรือไม่? “ในผู้อื่นความรอดไม่​มี​เลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่​ทรงโปรดให้​มี​ในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้​ฟ้า​” (กิจการ 4:12) วันนี้ขอเชิญท่านเข้ามาหาพระเยซู อย่าได้รอช้าเลย

ติดต่อเรา

ใบสั่งซื้อ